- Kalyakorn Naksompop
โรคซึมเศร้า อย่ามองเมิน อย่าหลบตา อย่าเพิ่งรำคาญ

"แปลกเนอะ เดี๋ยวนี้คนเป็นโรคซึมเศร้ากันเยอะ"
"ทำไมคนเดี๋ยวนี้เป็นกันเยอะจัง
สงสัยเพราะสังคมมันเปลี่ยนไป"
"เอะอะก็ซึมเศร้าๆ
มันจะเป็นกันเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ"
- - - - - - -
โรคซึมเศร้ามันเป็นโรคใหม่จริงหรือ?
หรือแค่เพราะเราเพิ่งเคยรู้จักมัน?
เราไม่เคยได้ยินเรื่องคนฆ่าตัวตายมาก่อนหรือ
เราไม่เคยได้ยินเรื่องคนเศร้าหนักแบบไม่มีสาเหตุหรือ
.
เปล่าหรอก... เราได้ยินมาตลอด
เพียงแต่เราไม่เคยตระหนักเลย
ว่าคนเหล่านั้น... อาจเป็นซึมเศร้า
- - - - - - -
เราเองก็ไม่เคยรู้จักโรคนี้ค่ะ
รู้แค่ว่า บางทีรู้สึกเหมือนหมดอาลัยตายอยาก
อยากนอนๆ ให้มันพ้นไปวันๆ
ไม่อยากตื่นมารับความจริงเลย
หรือบางทีก็ไม่อยากหลับ
อยากตื่นทำนู่นนี้อยู่อย่างนั้น
เพราะกลัววันพรุ่งนี้จะมาถึง
.
รู้ว่าอ่อนไหวมากๆ มากกว่าคนอื่น
ว่าเวลาเศร้า มันจะดิ่งลึก... ลึกแบบไร้ก้นเหว
.
รู้ว่ามี limit ในการเศร้าหรือโกรธ
และถ้าเลยจุดนั้นไป ตรรกกะจะปี้ป่น
และทางออกในหัวที่มีอยู่อย่างเดียวคือ
"ไม่มีเราอยู่... คงจะดีกว่า"
.
มันเกลียดตัวเอง
รู้สึกว่าเราคือเหตุผลของความเจ็บปวดของทุกคน
และความเละเทะทุกอย่างรอบตัว
ว่าเรา... ไม่สมควรจะอยู่
.
เป็นอย่างนี้มานานค่ะ
ตั้งแต่ก่อนรู้ว่าโลกใบนี้มีสิ่งที่เรียกว่า "โรคซึมเศร้า"
ตั้งแต่ก่อนจะสงสัยว่าตัวเองป่วย
รู้แค่ว่า.... เราไม่เหมือนคนอื่น
และเหมือนต้องการความช่วยเหลือ
.
แต่ในเมื่อมันเป็นเรื่องของ "อารมณ์"
(ตอนนั้นเราไม่รู้เรื่องสารสื่อประสาทอะไรหรอก)
เราก็คิดแค่ว่า... "อยู่ที่มึงเองนี่ล่ะ ใครจะมาช่วยมึ้ง"
.
จนมาวันหนึ่ง เราเริ่มได้ยินเรื่องโรคซึมเศร้า
พอดูข้อมูลเกี่ยวกับอาการก็แค่
"เอ๊ะ.. คล้ายกูจังวะ" แล้วก็ไม่เคยทำอะไร
.
จนได้เจอวิกฤติในชีวิต
ที่เฉียดทำให้เราโยนชีวิตทิ้งไป
.
จนผ่านพ้นมันมาได้
.
จนคิดไปเองว่าดีขึ้นแล้ว
.
จนหลายปีที่ทรงๆ เซๆ ผ่านไป
.
อยู่ๆ ก็กลับมาหนักหนาอีก
แต่คราวนี้... ไม่สงสัยแล้ว พิจารณาแล้วว่าใช่แน่ๆ
.
ปรึกษาเพื่อนที่เป็นนักจิตวิทยา
เพื่อนก็ให้ exercise มาปฐมพยาบาลเบื้องต้น
และย้ำว่าต้องไปหาหมอ
แต่เราก็ยังกลัว.... สามีเราก็กลัว....
- - - - - - -
การรักษาด้านจิตวิทยา.. ฟังดูน่ากลัว
เหมือนเราเป็นบ้า เหมือนมนุษย์ไม่ปกติ
ภาพคนบ้าในหนัง ในละคร และในสื่อต่างๆ
ผุดขึ้นมาในหัว... เราจึงบอกตัวเองว่า
"กูไม่ใช่หนึ่งในนั้น"
.
ผ่านไปหลายปี
ข้อมูลเรื่องโรคซึมเศร้าเริ่มออกตามสื่อมากขึ้น
เราได้เรียนรู้ว่ามันเป็นภัยที่กำลังคุกคามสังคมอยู่
ในประเทศไทยมีคนเป็นโรคนี้ถึงกว่า 1.5 ล้านคน
มีคนพยายามฆ่าตัวตายปีละกว่า 600,000 คน
.
นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป
และมันไม่ได้มีแค่เรา
.
ประกอบกับที่เพื่อนใน Facebook คนหนึ่ง
เริ่มเล่าเรื่องที่เขาเป็นโรคซึมเศร้าบ่อยขึ้น
เหมือนมันเป็นเรื่องโคตรปกติธรรมดา
ในขณะที่ก็ได้ยินข่าว celebrity ที่เรารู้จัก
ฆ่าตัวตาย... คนแล้ว.... คนเล่า....
- - - - - - -
เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง
เรามีน้องๆ มีลูกค้าต้องดูแลหลายคนที่ต้องดูแล
.
อยู่มาวันหนึ่งก็ตกหลุมดำ
(ชื่อเล่นที่เราตั้งให้การซึมเศร้า)
โดนมันเล่นงานจนทำงานไม่ได้
.
วันนั้นถึงได้รู้ตัวว่าต้องทำอะไรซักอย่าง
มัวแต่กลัวก็ไม่มีประโยชน์อะไร
จึงตัดสินใจไปหาหมอและเริ่มรักษามาจนถึงปัจจุบัน
.
จนเราเห็นแล้ว...
ว่าโลกมันไม่จำเป็นต้องมืด
ว่าชีวิตมันอยู่ง่ายขึ้นได้
- - - - - - -
ถ้าไม่มีข้อมูลเรื่องโรคนี้ออกตามสื่อ
ไม่มีเพื่อนคนนั้นเล่าเรื่องตัวเองให้ฟัง
เราก็คงจะไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติ
- - - - - - -
มันไม่ใช่เรื่องใหม่หรอกค่ะ
เราแค่ เพิ่งได้ทำความรู้จักมัน
.
ใช่ค่ะ ทุกวันนี้ คนพูดเรื่องนี้กันมากขึ้น
มันดีแล้วที่คนออกมาพูดเรื่องนี้กันเยอะๆ
และทำให้สังคมเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องปกติ
.
ยิ่งคนเข้าใจเรื่องนี้มากเท่าไหร่
ยิ่งคนรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติ
ในการไปหาจิตแพทย์เท่าไหร่
เรา... ก็ยิ่งอาจสามารถช่วยชีวิตคนได้อีกเท่านั้น
.
อย่ามองเมิน อย่าหลบตา อย่าเพิ่งรำคาญ
อย่าโยนว่ามันเป็นแค่เทรนด์ที่วันหนึ่งจะหายไป
.
เพราะอาจมีคนที่เรารัก.... จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ก็ได้
- - - - - - -
สุดท้ายนี้ ถ้าคุณได้อ่านมาถึงตรงนี้
แล้วสงสัยว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า
อย่าเก็บไว้กับตัวเองเลยค่ะ ไปหาหมอเถอะ จะได้รู้
ในระหว่างนี้ก็หยุดเกลียดตัวเองบ้าง
เกลียดโลก เกลียดทีวี เกลียดรูปปั้น
ถ่ายความผิดไปที่สิ่งอื่นบ้าง... อย่าแบกไว้คนเดียว
.
แล้วถ้าคุณเคยสูญเสียใครไปให้กับโรคซึมเศร้า
เสียใจด้วยจากใจจริงค่ะ แต่อย่าโทษตัวเองเลย
คุณทำดีที่สุดแล้ว มันไม่ใช่ความผิดของใครเลยค่ะ
- - - - - - -
~ กัลยกร นาคสมภพ ~
ผู้ก่อตั้งโครงการ
RAQUE Forward (รักก์ ฟอร์เวิร์ด)
#โรคซึมเศร้า #RAQUE #RAQUEForward